วันพุธที่ 3 มิถุนายน พ.ศ. 2558

One piece

                                               Monkey D. luffy

มังกี้ ดี ลูฟี่    เป็นตัวละครจากการ์ตูนญี่ปุ่นเรื่อง วันพีซ และถือว่าเป็นตัวละครเอกของเรื่อง เรื่องราวของวันพีซได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อลูฟี่เดินทางออกทะเล เพื่อรวบรวมพวกพ้อง ทั้งกลุ่มโจรสลัด และเดินทางผจญภัยสุดขอบโลกเพื่อตามสมบัติที่มีอยู่ชิ้นเดียวในโลกที่เรียก ว่า "วันพีซ" (One Piece) ที่เมื่อได้ครอบครองจะได้เป็นราชาโจรสลัด ซึ่งลูฟี่มีความฝันสูงสุดคือเป็นราชาโจรสลัด ตามรอยราชาโจรสลัด โกลด์ ดี โรเจอร์
ลูฟี่มีพลังพิเศษจากการกินผลไม้ปีศาจ คือ ผลยาง บวกกับทักษะการต่อสู้ และใจที่อึดเข้มแข็ง กับวีรกรรมมากมายที่เขาและพวกได้ก่อไว้ ทำให้เขากลายเป็นโจรสลัดรุ่นใหม่ที่มีค่าหัวสูงมากคนหนึ่ง เป็นโจรสลัดมีชื่อ และมีสมญานามว่า "กลุ่มโจรสลัดหมวกฟาง" เนื่องจากสวมหมวกฟางอยู่เสมอ "





                                                     Roronoa zoro



โซโร    เป็นนักล่าค่าหัวผู้มีความเชี่ยวชาญในการใช้ดาบเป็นอาวุธ โดยมีดาบ 3 เล่มเป็นอาวุธประจำตัว มีความใฝ่ฝันเป็นนักดาบที่เก่งที่สุดในโลก ตามที่ให้สัญญาไว้กับ คุอินะ เพื่อนสมัยเด็กที่เสียไปนั้น
    ดาบประจำตัวที่โซโรพกไว้เสมอตั้งแต่แรกคือ ดาบสีขาว วาโดอิจิ มอนยิ (เป็นดาบที่จะคาบไว้ที่ปากเวลาใช้ท่าสามดาบ) ซึ่งเป็นดาบที่รับช่วงมาจากเพื่อนสมัยเด็กและสาบานว่าจะเป็นนักดาบที่เก่ง ที่สุดในโลก ดาบอื่นที่ใช้ในปัจจุบันอีกสองเล่มคือดาบสีแดง ซังได คิเทซึ เป็นดาบอาถรรพ์ที่ได้มาจากล็อกทาวน์ และ ดาบดำ ชูซุย ซึ่งได้มาจากการสู้กับซามุไรเจเนรัลซอมบี้ ริวมะ (ว่ากันว่าเป็นตัวเอกจากนิยายของ อ.โอดะ แต่เขากลับป่วยจนเสียชีวิต จึงได้เป็นแขกรับเชิญในร่างซอมบี้) ที่ธริลเลอร์บาร์ค จึงทำให้บรู๊ค (สมาชิกเรือเธาด์ซัน ซันนี่คนล่าสุด) ได้เงาของเขากลับคืนม

                                                               


                                                       sanji
เกิดที่นอร์ทบลู ในอดีตเป็นเด็กกำพร้าที่ถูกเลี้ยงไว้ทำงานเป็นครัวบนเรือ แต่ว่าเกิดเหตุเรือโจรสลัดบุก แล้วซันจิตกทะเล กัปตันกลุ่มโจรสลัดช่วยซันจิ ส่วนเรือของทั้ง 2 ก็ล่มเพราะอุบัติเหตุทางทะเล ทั้งขึ้นมาเกาะโดยแบ่งอาหารกัน โดยเซฟ มอบถุงอาหารทั้งหมดให้ซันจิ ส่วนเซฟกินขาขวาของตัวเอง โดยทั้ง 2 ติดอยู่บนเกาะร้าง วันที่ 70 ซันจิไปหาเซฟเพื่อแย่งอาหารและรู้ความจริงจากเซฟ ตลอด 85 วัน ก็มีเรือมาช่วย แล้วจากนั้นก็ร่วมมือเซฟเปิดภัตตาคารลอยทะเล บาราติเอที่แถบอีสบลู โดยซันจิเป็นรองเชฟ พอพวกครีกมาบุกแล้วลูฟี่ช่วยสู้ หลังจากนั้นซันจิได้สนิทกับลูฟี่ จนเซฟจงใจให้ซันจิไปกับลูฟี่ แต่ซันจิไม่ยอมจนแอบฟังจนเข้าใจ แล้วร่วมกลุ่มกับลูฟี่ หลังจากนั้นก็พ่อครัวประจำเรือกลุ่มหมวกฟาง ลักษณะเป็นชายใส่สูทดำผมเหลืองด้านหน้ายาวจนปิดตาข้างซ้ายและคิ้วข้างขวา หมุนเป็นไม้ม้วนไปทางขวา 2 ปี ต่อมาเปลี่ยนไปปิดตาขวาและคิ้วข้างซ้ายหมุนเป็นไม้ม้วนไปทางขวา ใช้ขาทั้งสองในการต่อสู้ ไม่นิยมใช้มือต่อสู้เพราะถือว่า ใช้มือในการปรุงอาหารเท่านั้น






                                                      Tony Tony Chopper
หมอประจำเรือ ใฝ่ฝันที่จะเป็นหมอที่สามารถรักษาได้ทุกโรค ในอดีตนั้นเป็นเกิดมาเป็นกวางเรนเดียร์จมูกน้ำเงิน แต่ได้กินผลฮิโตะฮิโตะ (ผลมนุษย์) เข้าไปทำให้สามารถแปลงกายเป็นมนุษย์ (แต่ไม่ค่อยเหมือน) ทั้งยังพูดภาษามนุษย์ได้ จึงโดนรังเกียจจากฝูงทั่งที่เดิมก็โดนรังเกียจที่มีจมูกน้ำเงินอยู่แล้ว เมื่อจะมาอยูกับมนุษย์ก็โดนไล่ยิงเพราะคิดว่าเป็นปีศาจ(จมูกสีน้ำเงิน) ต่อมาได้อยู่ร่วมกับมนุษย์ คือหมอกำมะลอ ฮิลรุค (ผู้ที่ร่วมชะตากรรมโดนสังคมรังเกียจเช่นกัน) ฮิลรุคคอยรักษา ตั้งชื่อ และอยู่ด้วยกันกับช็อปเปอร์ 1 ปี ผู้ซึ่งจงรักภักดีต่ออาณาจักรดรัมยิ่งกว่าสิ่งใด ก่อนตายได้ฝากฝังช็อปเปอร์ ไว้กับเพื่อนสนิท ดร.คุเรฮะ ช็อปเปอร์จึงได้รับการถ่ายทอดวิชาการแพทย์ ตลอด 6 ปี และคนบนเกาะคิดว่าช็อปเปอร์เป็นสัตว์เลี้ยง แล้วถูกลูฟี่ชักชวน โดยต่อสู้แบบมือเปล่า จนสามารถคิดค้นเม็ดยาชนิดพิเศษ "รัมเบิ้ลบอล" ที่ทำให้พลังของผลปีศาจที่อยู่ในร่างกายปั่นป่วนจนสามารถทำให้แปลงกายได้ถึง 7 ขั้น แต่ในการต่อสู้ไม่ควรกินเกิน 2 เม็ด แต่ละเม็ดมีเวลา 3 นาที ควรกินครั้งละ 6 ชม. แต่ถ้ากินติดต่อกันในช่วง 6 ชม. จะเกิดความผิดพลาด เพราะเมื่อกินเม็ดที่2จะเริ่มแปลงร่างไม่ได้ดั่งใจ เมื่อเปลี่ยนร่าง จะเปลี่ยนร่างผิดไปมา และเมื่อกินเม็ดที่3จะกลายร่างเป็นอสูรกายร่างยักษ์ขาดสติคลุ้มคลั่ง ถูกตั้งค่าหัวได้น้อยมากเพราะว่าทหารเรือเข้าใจผิด คิดว่าช็อปเปอร์เป็นสัตว์เลี้ยง 2 ปี ต่อมาก็สามารถแปลงร่างโดยไม่ต้องกินรัมเบิ้ลบอล แต่เมื่อกินรัมเบิ้ลบอล จะกลายเป็นมอนสเตอร์พอยต์ แค่ 3 นาที พร้อมกับควบคุมร่างมอนสเตอร์พอยต์ได้ หลังจากหมด 3 นาที ร่างกายจะเป็นอัมพาตไป 3 ชั่วโมง




 

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น